บทความ

ผลกระทบ PM 2.5 ด้านสุขภาพในประเทศไทย โรคปอดอักเสบติดเชื้อเฉียบพลัน

รูปภาพ
ผลกระทบ PM 2.5 ด้านสุขภาพในประเทศไทย โรคปอดอักเสบติดเชื้อเฉียบพลัน          จากข้อมูลย้อนหลัง 6 ปี ของประเทศไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2554-2559 พบว่า มลพิษทางอากาศมีผลกระทบระยะสั้น คือ ในทุกๆปีจะพบอัตราการป่วยตายจากโรคปอดอักเสบติดเชื้อเฉียบพลันสูงสุดในช่วงเดือน มกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม โดยมีอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบติดเชื้อเฉียบพลันทั่วทุกภาคใกล้เคียงกัน และพบว่าสัมพันธ์กับปริมาณฝุ่นจิ๋ว ขนาด 2.5 ไมครอน ซึ่งพบว่าสูงมากในช่วง 3 เดือนดังกล่าวของทุกปี          นอกจากนั้น ในช่วงเวลาดังกล่าวยังพบว่ามีปริมาณคาร์บอนอินทรีย์สูงขึ้นร่วมด้วย ส่วนช่วงเดือนที่มีการอัตราการป่วยตายจากโรคปอดอักเสบติดเชื้อเฉียบพลันต่ำสุด คือ ช่วงเดือน ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม เมื่อเปรียบเทียบอัตราการป่วยตายจากโรคปอดอักเสบติดเชื้อเฉียบพลันในช่วงเดือน มกราคม ถึง มีนาคม กับช่วงเดือน ตุลาคม ถึง ธันวาคม จะพบว่า อัตราการป่วยตายจากโรคปอดอักเสบติดเชื้อเฉียบพลันของทุกปี ในช่วงเดือน มกราคม ถึง มีนาคม สูงกว่า ช่วงเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม ถึง 2 เท่า

ผลกระทบ PM 2.5 ด้านสุขภาพในประเทศไทย โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ

รูปภาพ
ผลกระทบ PM 2.5 ด้านสุขภาพในประเทศไทย โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ       ข้อมูลการศึกษาของกลุ่มวิจัยโรคหลอดเลือดสมองภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า  - ปริมาณ PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 10 mg/m3 เพิ่มอัตราการนอนโรงพยาบาลด้วยโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้น ร้อยละ 33 และจังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยรายปี PM 2.5 มากกว่า 25 mg/m3 มีอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นร้อยละ 44  - เมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดที่มีค่า PM2.5 เฉลี่ยรายปีต่ำกว่า 25 mg/m3 โดยส่วนประกอบของ PM 2.5 ที่มีผลต่อโรคหลอดเลือดสมองในระยะยาวมากที่สุด คือ  • สารคาร์บอนดำ  • ฝุ่น  และกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบของ PM 2.5 ต่อโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้น ได้แก่ ผู้สูงอายุ เบาหวาน โรคไตเรื้อรัง และโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ       ผลการศึกษาผลกระทบของมลภาวะทางอากาศกับโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน พบว่า อัตราการรักษาในโรงพยาบาลสูงในพื้นที่ภาคกลาง (บริเวณกรุงเทพมหานครและเขตสุขภาพที่ 4,5) ซึ่งสัมพันธ์กับปริมาณสารคาร์บอนดำ โดยพบความเสี่ยงของอุบัติการณ์โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันเพิ่มมากขึ้น 1.24 เท่า ต่อปริมาณคาร์บอนดำที่เพ...

ไฟป่าช่วยเพิ่มผลผลิตผักหวานป่า จริงหรือไม่?

รูปภาพ
ไฟป่าช่วยเพิ่มผลผลิตผักหวานป่า จริงหรือไม่?   ​      เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคมด้วยสภาพอากาศร้อนและแล้ง ผักป่าหลายชนิดกลับแตกยอดออกดอกจนกลายเป็นอาหารตามฤดูกาลที่หลายๆคนต้องการหามาลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็น • ยอดและดอกผักติ้ว (ติ้วส้ม)  • ผักเสี้ยว (เสี้ยวดอกขาว)  • ผักเฮือด  • ยอดส้มป่อย  • ผักหวานป่า ซึ่งเป็นผักป่าที่รสชาติอร่อยที่สุดของหน้าแล้งก็กว่าได้         ปัจจุบันผักหวานป่ากลายเป็นผักป่าที่มีราคาแพง สูงตามความต้องการของตลาดและนำไปสู่การพัฒนาการปลูกเชิงการค้ามาก หากเปรียบเทียบถึงรสชาติของผักหวานป่าที่ได้จากป่า ย่อมเหนือกว่าผักหวานป่าจากแปลงปลูก ​       มารู้จักผักหวานป่าในประเทศไทยกล่าวได้ว่า มีอยู่ 2 ชนิดคือ 1. ผักหวานป่าเหนือ (Melientha suavis Pierre) เป็นชนิดที่พบแหล่งกระจายหลักอยู่ในป่าผลัดใบ(ป่าเต็งรังและป่าผสมผลัดใบ) ของภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคกลาง 2. ผักหวานป่าใต้ หรือ บางครั้งเรียกว่า ผักพูม (Champereia manillana (Blume) Merr.) เป็นชนิดที่พบแหล่งกระจายหลักอยู่ในป่าดงดิบ (...

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล : มีจุดสว่างให้ความหวังในความมืดสลัว

รูปภาพ
ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล  : มีจุดสว่างให้ความหวังในความมืดสลัว         ด้วยต้นเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM  2.5 ในประเทศไทยมาจากการเผาในที่โล่งซึ่งรวมทั้งภาคเกษตรและป่าไม้ โดยมากเกินครึ่งของหมอกควันและฝุ่นจากการเผาในภาคเกษตรมาจากไร่อ้อย เพราะมีปริมาณมวลชีวภาพที่สามารถเผาไหม้ได้มากถึง 2-2.5 ตันต่อไร่ และมีพื้นที่ปลูกมากกว่า 10 ล้านไร่ติดต่อกันมาหลายปี         ดังนั้นการลดปริมาณอ้อยไฟไหม้จึงเป็นเป้าหมายที่สำคัญในการบริหารจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของรัฐบาล หลังจากที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นอย่างรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ในช่วงต้นปี 2562        คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงได้เห็นชอบมาตรการลดปัญหาอ้อยไฟไหม้ เพื่อมุ่งลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน โดยกำหนดให้โรงงานน้ำตาลทั่วประเทศรับซื้ออ้อยสดกับอ้อยไฟไหม้ในสัดส่วน 70:30 แต่หลังการเจรจากับเกษตรกรและโรงงาน ที่ประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 จึงมีมติให้ปรับสัดส่วนให้รับซื้ออ้อยไฟไหม้ไม่เกิน 50% โดยคงระเบียบเดิม...

การเผานาข้าวและปัญหาฝุ่น PM 2.5

รูปภาพ
การเผานาข้าวและปัญหาฝุ่น PM 2.5         การเผาในที่โล่งในภาคการเกษตร เป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนชาวไทย โดยการเผาตอซังและฟางข้าวเพื่อเตรียมพื้นที่ปลูกในฤดูกาลต่อไป เป็นปัญหาสำคัญในระดับประเทศ เพราะมีพื้นที่ปลูกข้าวมากถึง 70 ล้านไร่ต่อปี ทำให้ปริมาณมวลชีวภาพในพื้นที่นาที่สามารถเผาไหม้ได้อาจมีมากกว่า 30 ล้านตัน ดังนั้น การลดปริมาณการเผาตอซังและฟางข้าวจึงเป็นเป้าหมายที่สำคัญในการบริหารจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของภาครัฐร่วมกับประชาชนในพื้นที่แม้การเผาเป็นการเตรียมพื้นที่ปลูกที่เร็วและมีต้นทุนต่ำ สามารถกำจัดเศษพืชและจัดการวัชพืชอย่างได้ผล แต่มีผลกระทบทำให้ในระยะยาวดินจะขาดความอุดมสมบูรณ์เพราะการเผาทำให้สูญเสียธาตุอาหารแทนที่จะได้ย่อยสลายกลับคืนไปสู่พื้นดินและเป็นประโยชน์ต่อการปลูกในฤดูกาลต่อไป        ทั้งนี้ ชาวนาบางส่วนยังเลือกที่จะเผาก็เพราะต้องการเตรียมพื้นที่ให้ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการหมักฟางในนาให้ย่อยสลายก่อนการไถกลบต้องใช้เวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชลประทานที่มีการปลูกข้าวนาปรัง ชา...

ฝุ่นข้ามแดนสู่ประเทศไทย

รูปภาพ
ฝุ่นข้ามแดนสู่ประเทศไทย      ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในประเทศไทยเกิดวนกันไปทุกภูมิภาคทั้งปีในช่วงเวลาที่แตกต่างกันตามภูมิภาค มีทั้งฝุ่นควันภายในประเทศและฝุ่นควันข้ามแดน ฝุ่นควันในประเทศเพื่อนบ้านพัดเข้าสู่ประเทศไทยขึ้นอยู่กับทิศทางลมเป็นสำคัญ • ภาคเหนือ : ภาคเหนือมักได้รับผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนจากประเทศพม่ารุนแรง ซึ่งประเทศพม่ามีการเผาป่าและพืชไร่หมุนเวียนมากเป็นอันดับหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนบน และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ลมตะวันตกพัดจากพม่าเข้าสู่ประเทศไทยทำให้เกิดหมอกควันเป็นจำนวนมากปกคลุมทั่วทั้งภาคเหนือ ผสมกับหมอกควันจากการเผาป่าในประเทศไทย • ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานคร : สำหรับในพื้นที่ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลก็ได้รับผลกระทบจากฝุ่นควันจากการเผาในที่โล่งจากพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงและฝุ่นควันข้ามแดนจากประเทศกัมพูชาในช่วงเดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ ของทุกปี เนื่องจากลมส่วนใหญ่พัดจากทิศตะวันออกมาทางตะวันตกผ่านจุดเผาไหม้ที่สำคัญในประเทศเพื่อนบ้านคือกัมพูชาเข้าสู่กรุงเทพฯ • ภาคใต้ : ภาคใต้จะได้รับผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนจากหมู่เกาะสุมาตรา ...

เปิดดูสถานีตรวจวัดฝุ่นของกรมควบคุมมลพิษ(คพ.)

รูปภาพ
เปิดดูสถานีตรวจวัดฝุ่นของกรมควบคุมมลพิษ(คพ.)      ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มั่นใจว่าหลายๆท่านรู้จักและคุ้นเคยกับฝุ่นจิ๋ว ที่ชื่อ PM 2.5 กันบ้างแล้ว และบางท่านอาจสงสัยว่า ค่าฝุ่น PM 2.5 ที่ภาครัฐรายงานแจ้งเตือนประชาชนทุกวันนั้น ได้มาจากไหน อย่างไร? เพื่อตอบข้อสงสัย เรามาดูกันว่ากรมควบคุมมลพิษ วัดฝุ่น PM 2.5 กันอย่างไร ?       เครื่องวัดฝุ่น PM 2.5 แบบอัตโนมัติ ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเครื่องวัดฝุ่นที่มีวิธีการตรวจวัดตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เครื่องวัดฝุ่นของกรมควบคุมมลพิษ(คพ.)ที่มีอยู่ส่วนใหญ่เป็นวิธีเบต้า เร แอทเทนนูเอชั่น (Beta Ray Attenuation) ใช้หลักการลดทอนของปริมาณรังสีเบต้า และวิธีการกระเจิงของแสง (Light Scattering) โดยเครื่องวัดฝุ่นจะใช้ปั๊มดูดตัวอย่างอากาศให้เข้าสู่ระบบด้วยอัตราการไหลคงที่ ผ่านช่องทางเข้าของอากาศ เพื่อรวบรวมฝุ่นละอองสำหรับวิเคราะห์หาปริมาณฝุ่น PM 2.5 ตามวิธีเบต้า เร แอทเทนนูเอชั่น หรือวิธีการกระเจิงของแสง      เมื่อเครื่องวัดฝุ่นวิเคราะห์ได้ค่าฝุ่น PM 2.5 แล้ว ระบบจะส่งข้อมูลไปยังศูนย์ข้อมูลของ กรม...