FIRMS: เครื่องมือสำหรับคนรักป่าที่มีใจเฝ้าระวังไฟ





FIRMS: เครื่องมือสำหรับคนรักป่าที่มีใจเฝ้าระวังไฟ
ดร. เจน ชาญณรงค์
ชมรมผู้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล
 
 
💠 ปกติแล้วการเข้าถึงข้อมูลจากดาวเทียมในอดีตนั้นเป็นสิ่งที่ทำใด้ยาก  แต่มาถึงวันนี้แล้วเราประชากรของโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ไม่ยากนัก ขอเพียงมีอินเตอร์เนต  ความสนใจจริง  กับการให้เวลา ประชาชนธรรมดาอย่างเราท่านสามารถช่วยภาครัฐเฝ้าระวังไฟป่าและแจ้งเตือนหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าได้  ที่สำคัญกว่านี้จะเป็นสร้างความตระหนักให้กับเยาวชนเพื่อให้เห็นความสำคัญของการรักษาป่าเพื่อชีวิตที่ยั่งยืนต่อคนรุ่นเขาต่อไป

💠 ไฟป่าเป็นต้นกำเนินของ PM 2.5 ในประเทศไทยที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน9จังหวัดภาคเหนือที่คุณภาพอากาศในช่วงเดือนมกราคม-เมษายนนั้นแย่ถึงระดับวิบัติ ทำลายสุขภาพของประชาชนนับล้านให้มีอายุสั้นลง อย่างไรก็ตามในอดีตนั้น ข้อมูลของไฟป่าเป็นสิ่งที่ลี้ลับและสับสนมาก สังคมตลอดจนรัฐบาลเข้าไม่ถึงข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในป่า เมื่อไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องก็บริหารไม่ได้ กลายเป็นว่าไฟป่าเป็นปัญหาทุกปีและมีแนวโน้มที่มากขึ้นเรื่อยๆ มนุษย์กลายเป็นผู้ทำลายป่าเนื่องจากความกดดันด้านเศรษฐกิจ ความไม่รู้ ความไม่สนใจ และความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยลืมคิดถึงอนาคตของคนรุ่นต่อไปว่าจะสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนกับธรรมชาติได้อย่างไร

💠 ป่านั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก และไฟป่านั้นก็อาจจะครอบคลุมพื้นที่หลายแสนไร่ สำหรับปัญหาที่อยู่พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้สิ่งที่เรามองเห็นด้วยสายตาจุดใดจุดหนึ่งอาจจะไม่ได้แสดงต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้น มนุษย์นั้นมองเห็นไม่ได้ไกลและการเดินทางในป่านั้นยากลำบากมาก  การด่วนสรุปข้อมูลจากพื้นที่เล็กๆที่เรามองเห็นอาจจะไม่ได้แสดงถึงต้นเหตุที่ถูกต้องทำให้เราสรุปผิดพลาด   ตัวอย่างเช่น
🔺 เราเห็นชาวบ้านเผาไร่ข้าวโพดที่แอบปลูกในป่าแล้วไฟลามเข้าป่าไป  เราไม่อาจสรุปได้ว่าไฟป่าของไทยทั้งหมดนั้นมาจากการแอบปลูกข้าวโพด  ถ้าเอาข้าวโพดออกจากป่าแล้วปัญหาไฟป่าจะหมดไป ปัญหาในพื้นที่ขนาดใหญ่นี้จำเป็นต้องอาศัยการสังเกตจากเบื้องบนเพื่อให้เห็นภาพรวม  

💠 ในอดีตนั้นสามารถใช้อากาศยานสังเกตการณ์จากเบื้องบน  แต่ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถใช้ดาวเทียมเก็บข้อมูลลงมาจากอวกาศ ซึ่งเราเรียกเป็นศัพท์สวยหรูว่า Remote Sensing หรือ การสำรวจจากระยะไกล

💠 หน่วยงานราชการที่มีหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียมนั้นคือ “สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA” ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2543 โดยมีเป้าประสงค์ในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศให้เป็นความรู้ไร้พรมแดนเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ     
 
💠 ข้อมูลรัฐที่สับสน
ถึงแม้ว่า GISTDA จะก่อตั้งมากว่า 17 ปีแล้ว แต่ไฟป่าถือเป็นแค่ภัยพิบัติประเภทหนึ่ง ซึ่งยังมีภัยพิบัติอื่นๆอีกมากมาย ที่ผ่านมาข้อมูล GISTDA ด้านไฟป่าก็ขัดแย้งกับข้อมูลของกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเสมอ 
🔸 ขอยกตัวอย่างข้อมูลไฟป่าระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2561 - 30 สิงหาคม 2562 กรมอุทยานฯรายงานไฟป่าทั้งประเทศเพียง 149,061 ไร่ ในขณะที่ GISTDA ประกาศพื้นที่ไฟป่าในป่าอนุรักษ์และป่าสงวนระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2562 เฉพาะ 9 จังหวัดภาคเหนือมากถึง 6,512,599 ไร่ แม้จะมีกรอบเวลาสั้นกว่าและพื้นที่น้อยกว่าแต่ข้อมูลจาก GISTDA ก็แตกต่างจากข้อมูลจากกรมอุทยานฯถึง 44 เท่าตัว      

💠 กรมอุทยานนั้นเคยใช้วิธีการบินสำรวจแล้วพัฒนาขึ้นไปใช้ดาวเทียมแต่หลังจากปี 2546 ก็กลับมาใช้การรายงานจากหน่วยควบคุมไฟป่าภาคพื้น ในขณะที่ GISTDA นั้นแปลผลจากภาพถ่ายดาวเทียมเป็นหลัก  และแน่นอนว่าการใช้ดาวเทียมน่าจะถูกต้องมากกว่าการประมาณภาคพื้น และอาจจะมีไฟป่าขนาดใหญ่จำนวนมากที่ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าถึงจากภาคพื้นจนไม่ได้รับการรายงาน ด้วยจำนวนข้อมูลจากสองหน่วยงานภาครัฐที่ขัดแย้งกัน เราในฐานะประชาชนก็สับสนและแน่นอนว่ารัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ในการบริหารจัดการยิ่งสับสนจนไม่รู้ว่า ไฟป่านั้นเป็นปัญหาใหญ่หรือปัญหาเล็กสำหรับชาติไทยของเรา ไม่สามารถจะแก้ปัญหาให้ถูกจุดได้
 
💠 ประชาชนเข้าถึงข้อมูลไฟป่าได้เอง
เราในฐานะประชาชน หากเข้าถึงข้อมูลด้านไฟป่าได้  จะช่วยสร้างความตระหนักและความเข้าใจของปัญหาของชาติเราได้โดยไม่ต้องรอหน่วยงานภาครัฐ   

💠 ปัจจุบันถ้าเพียงเรามีอินเตอร์เน็ตก็สามารถศึกษาข้อมูลไฟป่าจากพื้นที่ทุกจุดทั่วโลกได้จาก FIRMS หรือ Fire Information Resource Management System  ผ่านเวปไซด์ที่ชื่อว่า https://firms2.modaps.eosdis.nasa.gov/   FIRMS นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของบริการใน Land, Atmosphere Near real-time Capability for Earth Observing System (LANCE) จากองค์การบริหารการบินและอวกาศของสหรัฐอเมริกา หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ NASA

💠 NASA สร้าง Lance ขึ้นมาในปี 2009 
เพื่อสนับสนุนข้อมูลและภาพถ่ายพื้นดินและบรรยากาศในลักษณะใกล้กับเวลาจริง ข้อมูลและภาพถ่ายส่วนใหญ่จะล่าช้า 3-5 ชั่วโมงหลังจากที่ตรวจสอบได้ข้อมูลและภาพถ่ายเหล่านี้ทำให้ชาวโลกรับรู้และสังเกตได้ถึงเหตุการณ์ ทั้งที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์หรือเกิดจากธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น
🔺 ภัยพิบัติ หรือปรากฏการณ์ขนาดใหญ่ในธรรมชาติ เช่น พายุที่รุนแรง ภูเขาไฟระเบิด ฟ้าผ่า พายุหิมะ น้ำท่วม ภัยแล้ง สุขภาพของพืชในแปลง ปริมาณฝุ่นในบรรยากาศ ฯลฯ โดยอาศัยอุปกรณ์ตรวจจับกว่า 130 ระบบที่ติดตั้งบนดาวเทียมกว่า 12 ดวง     

💠 ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถพยากรณ์และเฝ้าติดตามปรากฏการณ์ที่มีผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์ สัตว์ และธรรมชาติได้  ตัวอย่างเช่น  
🔸การระบาดของแมลงหรือโรคพืช  
🔸การเปลี่ยนแปลงและความสมบูรณ์ของป่า  
🔸การกระจายตัวของมลพิษทางอากาศที่ส่งผลต่อสุขภาพ หรือแม้แต่การรั่วไหลของน้ำมันดิบในมหาสมุทร

💠 NASA ได้จัดขยายบริการของ LANCE ให้ครอบคลุมเรื่องจุดร้อนที่เกิดบนผิวพื้นโลก ในปี 2012  ไฟนั้นอยู่คู่กับมนุษยชาติมาอย่างยาวนานและมีผลทั้งด้านบวกและลบกับเรา โดยตั้งชื่อว่า  FIRMS ซึ่งจะตรวจวัดตำแหน่งของจุดร้อนที่มีอุณหภูมิผิดปกติบนผิวโลก โดยอาศัยชุดอุปกรณ์ตรวจจับที่มีชื่อว่า MODIS (Moderate Resolution Imaging Spectroradiometer) ซึ่งมีความละเอียดปานกลาง  กับ VIIRS (Visible Infrared Imaging Radiometer Suite) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ตรวจจับรุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูง  ปัจจุบันระบบ MODIS นั้นติดตั้งอยู่บนดาวเทียมสองดวงชื่อว่า Terra กับ Aqua  ส่วน VIIRS จะติดตั้งบนดาวเทียมอีกสองดวงชื่อว่า Suomi-NPP กับ NOAA-20
 
💠 MODIS กับ VIIRS ทำงานอย่างไร?
อธิบายง่ายๆมันคือกล้องถ่ายรูปดิจิทัลแต่แทนที่จะใช้แสงอาทิตย์มันใช้แสงอินฟราเรดหรือคลื่นความร้อน  จอรับภาพมันแทนที่จะเป็นฟิลม์ก็จะกลายเป็นเซนเซอร์แบบดิจิทัล กล่าวคือ จอรับภาพจะประกอบด้วย pixel หรือจุดรับภาพเล็กๆ เมื่อแสงอินฟราเรดผ่านเลนส์ตกกระทบมันก็จะตรวจจับในการใช้กล้องเล็กๆสังเกตุวัตถุที่ใหญขนาดผิวโลกมีสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งคือสัดส่วนของพื้นที่หนึ่ง pixel ต่อ ขนาดของพื้นที่จริงบนผิวโลก สำหรับ MODIS นั้นหนึ่ง pixel จะเท่ากับพื้นที่ขนาด 1x1 กิโลเมตรบนผิวโลก (625 ไร่) เราอาจจะเรียกพื้นที่นี้ว่ากริด (grid)  ส่วน VIIRS นั้นหนึ่ง pixel จะมีขนาด 375x375เมตรบนผิวโลก (87ไร่)   

💠 วิธีการทำงานคือเซนเซอร์จะเริ่มตรวจจับจุดร้อนได้ในแต่ละกริดได้ก็ต่อเมื่อมีการเผาไหม้ขนาดไม่ต่ำกว่า 0.5 ไร่ที่มีอุณหภูมิผิดปกติเกินกว่า 15Cจากโดยรอบ  โดยเซนเซอร์จะรายงานผลกว่ากริดทั้งกริดเป็นจุดร้อนโดยใช้ตำแหน่งจุดกึ่งกลางกริดเป็นตัวแทนของจุดร้อนนั้น ตรงนี้สำคัญมากเพราะมันไม่ได้หมายความว่ามีจุดร้อนทั่วทั้งพื้นที่ของกริดแต่มันหมายความว่าภายในกริดนั้นมีจุดร้อนที่ใหญ่เกินกว่า 0.5 ไร่อยู่ภายใน  เพราะฉะนั้นเราจึงไม่สามารถคำนวณขนาดพื้นที่เผาไหม้จากจำนวนจุดร้อนที่ตรวจจับได้จะผิดพลาดมาก แต่เรามีเทคนิคอื่นที่ใช้คำนวณพื้นที่เผาไหม้อื่นที่จะกล่าวถึงต่อไป  
เนื่องจาก VIIRS เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า MODIS อยากแนะนำให้เราดูข้อมูลจาก VIIRS เป็นหลัก เพราะมีความละเอียดมากกว่า MODIS เกือบ 8 เท่าตัว ทั้ง Suomi-NPP กับ NOAA-20 จะโคจรผ่านไทยในช่วงบ่ายและหลังเที่ยงคืน ดวงละสองครั้งห่างกันดวงละประมาณ 30 นาที  รวมเป็น 4 ครั้งต่อวัน  

💠 อุปสรรคในการตรวจจับจุดร้อนนั้นมีหลายประการได้แก่
🔺 ไม่มีดาวเทียมโคจรผ่านระหว่างการเกิดไฟ  อย่าลืมว่าเรามีดาวเทียมผ่านเหนือประเทศไทยแค่สองช่วงเวลา คือเวลาบ่ายกับหลังเที่ยงคืน  ดาวเทียมนั้นโคจรเร็วมากจากเหนือสุดสยามถึงใต้สุดใช้เวลาไม่เกิน 8 นาที ดังนั้นถ้าเราเลี่ยงการจุดไฟในช่วงนี้ได้มันก็จะไม่ถูกตรวจจับ เทคนิคนี้เป็นที่รู้กันระหว่างเจ้าหน้าที่กับเกษตรกรไทยเพราะเจ้าหน้าที่ก็มี KPI ที่ผูกตรงกับจำนวนจุดร้อนในพื้นที่รับผิดชอบ  ชาวบ้านเองก็อยากเผากำจัดเศษวัสดุในไร่โดยไม่อยากถูกจับให้เป็นเรื่องเป็นราว
🔺 มีเมฆ กลุ่มควัน หรือพุ่มไม้เรือนยอดปิดบังจุดร้อนไว้  เราสามารถดูภาพของเมฆในบรรยากาศเพื่อประกอบว่าจุดร้อนถูกบดบังหรือไม่  แต่การตรวจสอบจุดร้อนใต้พุ่มไม้เรือนยอดนั้นทำได้ยากลำบากมากด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน
 
💠 เทคนิคการใช้ FIRMS Fire Map
 🔸 โหมดการใช้งาน
FIRMS จะจัดแสดงตำแหน่งจุดร้อนบนแผนที่โดยมีข้อมูลจาก VIIRS บน NOAA-20 และ Soumi-NPP  พร้อมกับ MODIS บน Aqua และ Terra  โดยเราสามารถเลือกโหมดของการแสดงเป็นสามโหมดดังต่อไปนี้
 • Quick View Mode
เป็นโหมดในการดูข้อมูลเร็วๆแบ่งได้เป็นสองโหมดย่อย
o Today แสดงข้อมูลจุดร้อนที่ตรวจจับได้หลังจากเวลา 0700น ของเวลาท้องถิ่นในประเทศไทย แต่ถ้านับว่ากว่าดาวเทียมจะผ่านในช่วงบ่ายและเวลาในการประมวลผล 3-5 ชั่วโมงแล้ว  เราจะพบว่ากว่าจะได้ข้อมูลก็ต้องหลัง 17.00 น. ไปแล้ว
o 24hrs  แสดงข้อมูลจุดร้อนที่ตรวจจับได้หลังจากเวลา 07.00 น. ของเวลาท้องถิ่นในประเทศไทยเมื่อวานเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน  
• Advanced Mode
เป็นโหมดที่เราเลือกช่วงเวลาที่เราสนใจโดยกำหนดวันที่ได้ โดยเราสามารถเลือกแสดงผลสะสมย้อนหลังได้ตั้งแต่ 1 วัน จนถึง 31 วัน โหมดนี้เป็นโหมดที่มีประโยชน์มากเพราะเราจะสืบค้นการเคลื่อนที่ของหน้าไฟกลับไปได้ครั้งย้อนหลังไปถึง 31 วัน และหากเปลี่ยนวันเริ่มต้นเป็นช่วงๆก็สามารถศึกษาข้อมูลกลับไปได้หลายเดือน จะเหมาะสมสำหรับการติดตามไฟที่ลุกไหม้อยู่เป็นเวลานานๆ  เช่น ไฟป่าขนาดใหญ่    เราสามารถติดตามกลับไปถึงต้นกำเนิดของไฟป่าแต่ละกองได้อย่างละเอียด  ว่าเกิดที่ขึ้นตำแหน่งไหน ที่ดาวตรวจสอบได้ครั้งแรกเมื่อใด
• Burned Area Mode
เป็นโหมดที่เป็นประโยชน์มากในการแสดงข้อมูลของแผลเผาไหม้ของไฟ  แต่แทนที่จะพิจารณาจากจุดร้อนที่เกิดขึ้น FIRMS คำนวณแผลเผาไหม้จากการนำข้อมูล MODIS โดยพิจารณาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในลักษณะทันทีทันใดของการเกิดและการสะสมของเถ้า การเก็บเกี่ยวพืชตลอดจนการเปลี่ยนแปลงชนิดของพันธุ์พืช  จากนั้นจะประมวลผลว่าพื้นที่ใดเกิดการเผาไหม้ขึ้นโดยมีความละเอียดขนาด 500 เมตร  กระบวนการที่ใช้ประมวลผลนั้นได้รับการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆจนสามารถชดเชยผลต่อการถูกบดบังด้วยเมฆและกลุ่มควันแล้ว  ทั้งนี้ FIRMS จะแสดงผลพื้นที่แผลเผาไหม้ช้ากว่าจากปัจจุบันถึง 4 เดือน เนื่องจากต้องเฝ้าติดตามและตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงย้อนหลังที่ยาวนานเพื่อให้เกิดความมั่นใจขึ้น
 
🔸 ย้อมสีจุดร้อน…แยกแยะไฟป่าจากไฟไร่
อีกเทคนิคหนึ่งที่มีประโยชน์มากคือการแยกแยะจุดร้อนที่เกิดขึ้นกลางวันออกจากกลางคืน  ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการแยกแยะไฟที่เกิดต่อเนื่องเป็นเวลานานออกจากไฟที่ลุกไหม้สั้นๆ นั่นคือการแยกแยะไฟป่าออกจากไฟจากการเผาในที่โล่งได้  เพราะไฟป่านั้นลุกต่อเนื่องเป็นเวลานับอาทิตย์หรือนับเดือนทำให้เราจะเห็นแถบสีของหน้าไฟเป็นริ้วต่างสีจากกลางวันและกลางคืนได้อย่างชัดเจน  ส่วนไฟไร่จากการเผาในที่โล่งนั้นมนุษย์เราจะเผาในเวลากลางวันเห็นส่วนใหญ่ ซี่งจะเห็นเป็นสีเดียวเสมอ
 
🔸 ตั้งขนาดของจุดร้อนไม่ให้รกตา
เราต้องไม่ลืมว่าจุดร้อนที่เห็นบนแผนที่นั้นแสดงแค่ตำแหน่งไม่ใช่ขนาดของไฟบนผิวโลก โชคดีที่เราสามารถกำหนดขนาดการแสดงจุดร้อนได้ตามต้องการให้เหมาะสม  จาก 1 px ถึง 10 px และยังมี auto เพื่อกำหนดขนาดให้เหมาะสมกับมาตราส่วนของพื้นที่ในการแสดงผลของจุดร้อนสะสมในช่วงเวลานานนั้นจะมีจำนวนจุดร้อนกระจายในแผนที่จำนวนมาก ถ้าแสดงขนาดของจุดใหญ่เกินไปย่อมจะรกสายตาและบดบังรายละเอียดของแผนที่ ดังนั้นหากพบว่าขนาดของจุดร้อนนั้นรบกวนการอ่านแผนที่ก็ควรจะปรับแต่ให้เหมาะสม
 
🔸 แถบเครื่องมือด้านล่าง
เครื่องมือในแถบด้านล่างที่มีประโยชน์ได้แก่
• Identify จะให้ข้อมูลพิกัดและเวลาที่ตรวจจับจุดร้อนได้
• Measure ใช้วัดระยะทางหรือพื้นที่ จะมีประโยชน์ในการคำนวณ burned area เป็นตารางกิโลเมตร  จำไว้ว่า 1 ตารางกิโลเมตรเท่ากับ 625 ไร่  
• Layer  ใช้ปรับเปลี่ยนชนิดของแผนที่ กำหนดขอบเขตประเทศและพื้นที่อนุรักษ์  จะเป็นประโยชน์ในการพิจารณาไฟป่าในพื้นที่อนุรักษ์หรือจากประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะไฟป่านั้นข้ามพรมแดนได้เสมอหากป่าต่อเนื่องกัน รวมถึงใช้พิจารณาในกรณีที่มีไฟป่าลามออกจากพื้นที่เกษตรกรรมในหมู่บ้านเข้าไปในพื้นที่อนุรักษ์หรือในทางกลับกันเฝ้าระวังไฟป่าในชุมชนของเรา

💠 โควิดได้ย้ำเตือนถึงความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน เพราะถ้าเราเดินหน้าทำลายป่าด้วยการเผาอย่างขาดสำนึกและความรับผิดชอบอย่างที่เคยปฏิบัติมา วันหนึ่งเราจะไม่เหลือแม้แต่อาหารเพราะผืนดินแห้งแล้งขาดความอุดมสมบูรณ์ แม้เราจะหันหน้าเข้าป่าเราก็จะพบว่าป่านั้นเสื่อมโทรมไม่สามารถผลิตอาหารได้เหมือนเคย ยังไม่สายเกินไปที่เราจะเปลี่ยน ด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชามาปฏิบัติใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนของอาหารและการเกษตรกรรม  

💠 ถึงจุดนี้เราได้แนะนำเครื่องมือที่จะใช้ในการเฝ้าติดตามไฟป่าและไฟไร่ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ต้องรอข้อมูลจากภาครัฐ อยากขอเชิญชวนให้เราประชาชนเริ่มต้นเฝ้าระวังผืนป่าที่เรารักและผูกพันแบ่งกันไปคนละมุม สำหรับผมสนใจอุทยานแห่งชาติแม่ปิงเป็นพิเศษ เพราะทางชมรมผู้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดลเล็งเห็นว่าจุดนี้เป็นศูนย์กลางไฟป่าที่มากที่สุดของประเทศ การเปลี่ยนแปลงและช่วยเหลือให้ชาวบ้านเกิดความเข้าใจวิธีอยู่กับป่าด้วยความยั่งยืนได้จากการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดการเข้าป่าและเผาทำลายจะสร้างให้เกิดความมั่นคงทางอาหารและการเกษตรกรรม    

💠 ถ้าเราต่างคนต่างช่วยกันเฝ้าติดตามจุดร้อนและไฟป่าได้คนละหมู่บ้านคนละอุทยานจะมีสายตาช่วยระมัดระวังไฟป่าได้เยอะต่อไปและโปรดอย่าลืมว่าเด็กนักเรียนในโรงเรียนท้องถิ่นก็สามารถช่วยเป็นกำลังสำคัญในเรื่องนี้ได้และอาจจะเก่งกว่าผู้ใหญ่หลายต่อหลายคน






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายอย่างไรและผลกระทบต่อสุขภาพ

ทําไมฝุ่นเข้มข้นในตอนเช้า ?

เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวัดคุณภาพอากาศด้วยตัวเอง