ความตกลงอาเซียนว่าด้วยหมอกควันพิษข้ามพรมแดน ตอนที่ 1
ความตกลงอาเซียนว่าด้วยหมอกควันพิษข้ามพรมแดน
(ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution): ตอนที่ 1 หลักการพื้นฐานของความตกลงฯ
ปัญหาเรื่องหมอกควันพิษข้ามพรมแดนไม่ใช่เรื่องใหม่ในอาเซียน แต่เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฎอยู่แล้วอย่างน้อยตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1980 เป็นต้นมานับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997
เหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ในประเทศอินโดนิเซียส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญเป็นวงกว้างทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน
และเหตุการณ์เดียวกันนี้นำมาซึ่งการเจรจาและตกลงกันระหว่างรัฐสมาชิกประชาคมอาเซียนจนได้มาซึ่งความตกลงอาเซียนว่าด้วยหมอกควันพิษข้ามพรมแดน (ASEAN
Agreement on Transboundary Haze Pollution) ใน ค.ศ. 2002
ความตกลงอาเซียนว่าด้วยหมอกควันพิษข้ามพรมแดน มุ่งจัดการกับควันที่เกิดจากการเผาในที่ดินและ/หรือไฟป่า
ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียในลักษณะที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ ทรัพยากรที่มีชีวิตระบบนิเวศ รวมไปถึงทรัพย์สินและขัดขวางการใช้ประโยชน์ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกและการใช้ประโยชน์อื่นๆโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งสิ่งแวดล้อม
และพยายามป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันพิษข้ามพรมแดน ซึ่งหมายถึงมลพิษหมอกควันที่มีต้นกำเนิดทางกายภาพไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วนภายในเขตอำนาจของประเทศสมาชิกประเทศหนึ่งและได้ถูกนำพามายังพื้นที่ที่อยู่ในเขตอำนาจของรัฐสมาชิกอื่น โดยความตกลงอาเซียนว่าด้วยหมอกควันพิษข้ามพรมแดนมีหลักการที่เป็นพื้นฐานของความตกลงดังนี้
💠 ประการแรก
ความตกลงฯรับรองอำนาจอธิปไตยของรัฐสมาชิกเหนือการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในเขตอำนาจของตนและในขณะเดียวกันก็กำหนดให้รัฐสมาชิกอาเซียนทุกรัฐมีหน้าที่ให้หลักประกันว่า โครงการหรือกิจกรรมใดๆที่เกิดขึ้นในรัฐของตนจะไม่ก่อความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมของรัฐอื่นหรือต่อพื้นที่ที่อยู่นอกเขตอำนาจของตน นอกจากนี้ความตกลงฯยังกำหนดให้รัฐต้องร่วมมือกันตามความสามารถของตนในการป้องกันและเฝ้าระวังภาวะมลพิษอันเนื่องมาจากหมอกควันพิษข้ามพรมแดนจากการเผาในที่ดินและ/หรือไฟป่า ด้วย
💠 ประการที่สอง
รัฐต้องจัดให้มีมาตรการป้องกันล่วงหน้า (precautionary
measure) เพื่อคาดการณ์ป้องกันและเฝ้าระวังภาวะมลพิษอันเนื่องมาจากหมอกควันพิษข้ามพรมแดนจากการเผาในที่ดินและ/หรือไฟ่าป่า เพื่อลดความรุนแรงอันเนื่องมาจากภาวะมลพิษดังกล่าว ในกรณีที่มีความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงหรือที่ไม่สามารถทำให้กลับสู่สภาพเดิมได้ รัฐต้องจัดให้มีมาตรการป้องกันล่วงหน้า
ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีความชัดเจนทางวิทยาศาสตร์มายืนยันถึงความเสี่ยงอันอาจเกิดความเสียหายเช่นว่านั้นก็ตาม
💠 ประการสุดท้าย
รัฐสมาชิกทุกรัฐต้องใช้ประโยชน์และบริหารจัดการทรัพยากรรมธรรมชาติ ซึ่งหมายรวมถึงทรัพยากรป่าไม้และที่ดินอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับระบบนิเวศ โดยการดำเนินการดังกล่าวหมายรวมถึง การให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกคน
ซึ่งรวมถึงชุมชนท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชน (NGOs) เกษตรกร และวิสาหกิจเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการปัญหาหมอกควันพิษข้ามพรมแดนด้วย
จากหลักการพื้นฐานของความตกลงอาเซียนว่าด้วยหมอกควันพิษข้ามพรมแดน ในตอนถัดไปเราจะมาทำความรู้จักกับหน้าที่สำคัญๆ ที่รัฐต้องดำเนินการภายในประเทศเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามความตกลงอาเซียนว่าด้วยหมอกควันพิษข้ามพรมแดน เพื่อจะพิจารณาได้ว่าประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีในความตกลงดังกล่าวต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อจัดการกับหมอกควันพิษข้ามพรมแดน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น